send link to app

ดอยไซลำพูน


4.2 ( 3072 ratings )
ニュース ライフスタイル
開発者 Keeate
無料

ดอยไซ ช่วยแนะนำการปฏิบัติธรรม...
ปฏิบัติธรรมด้วยความไม่ประมาท ปฏิบัติอย่างไร
คนเราส่วนมากเกิดมาต้องการหนีทุกข์ไปหาสุขกันทุกคน แต่ละคนก็พาตัวเองไปหาสุขตามความคิดความเข้าใจของตนเอง ที่คิดว่าทางนี้ทำอย่างนี้คิดอย่างนี้จะนำความสุขสำเร็จมาให้แก่ชีวิตของตนเอง ฉะนั้นจะเห็นว่าแต่ละคนจะมีวิธีการหนีทุกข์ไปหาสุขกันมากมายหลายรูปแบบแตกต่างกัน ลองผิดลองถูกกันเกือบค่อนชีวิตหรือตลอดชีวิตก็ยังหาความสุขจริง ๆ ที่ตนเองต้องการไม่พบ บางครั้งได้สุขมาคิดว่าจะเป็นความสุขที่ตนเองต้องการ ไปหลงประคบประหงมความสุขอันนั้นไว้ แต่พอเวลาเปลี่ยนไปหน่อยความสุขที่ตนเองคิดว่าน่าจะใช่ความสุขจริง ๆ ที่ตัวเองต้องการกลับกลายเป็นทุกข์มหาศาลเกือบเอาชีวิตไม่รอดก็มี สุขที่ทุกคนที่เป็นปุถุชนไปเสาะแสวงหานั้นคือความสุขที่ได้อะไรมาสนองความอยากของตนเองทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อได้มาแล้ว สุขนั้นก็หายไป ก็ไปแสวงหามาอีก ไม่ได้ก็ทุกข์ ต้องดิ้นรนไปเสาะหามาปรนเปรอไปตลอดชีวิตไม่มีที่สิ้นสุด

ปุถุชนคนธรรมดาทั่วไปไม่ได้สดับฟังธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงไม่มีโอกาสจะรู้ได้เลยว่าสุขจริง ๆ ที่คนเราต้องการนั้นอยู่ที่ใด ทำอย่างไรจึงจะพบและหามาใส่ตัวเองได้ สุขที่มนุษย์ทุกคนต้องการในขณะนี้นั้นก็คือสุขถาวรไม่มีวันเปลี่ยนแปลง สุขอย่างนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ สุขถาวรนี้ถ้าแปลเป็นภาษาธรรมก็คือ “นิพพาน” นั้นเอง พวกเราไม่รู้เลยว่าสุขถาวรนี้มีศาสดาเอกของโลกตรัสสอนไว้ให้แล้ว พร้อมบอกทางเดินไปหาสุขนั้นได้ในชีวิตนี้ อย่างเร็ว ๗ วัน ๗ เดือน ๗ ปี อย่างช้า ถ้าปฏิบัติตามทางที่ถูกนี้มนุษย์ทุกคนไปถึงเป้าหมายนี้ได้

คนเราทุกวันนี้ต้องการให้ตัวเองพบสุขถาวรกันทุกคน แต่ขี้เกียจศึกษาเรียนรู้พระธรรมคำสอนที่ศาสดาเอกของโลกสอนไว้ให้ศึกษาเรียนรู้วิธีปฏิบัติให้เข้าถึงสุขถาวรที่ตนเองต้องการ จะเห็นว่าบางคนตั้งใจจะปฏิบัติธรรมเพื่อหาหนทางหนีทุกข์ไปหาสุขถาวร แต่ไม่ได้ศึกษาแนวทางที่พระพุทธเจ้าศาสดาเอกของโลกบอกทางดับทุกข์ไว้ให้เป็นพื้นฐานก่อน แล้วมุ่งหน้าไปสำนักปฏิบัติไปปฏิบัติธรรมกับครูบาอาจารย์ที่สอนการปฏิบัติธรรมเอาทันที เพื่อเดินทางลัดต้องการให้ตนเองพบความสำเร็จหนีทุกข์ได้เร็ว ๆ โดยไม่ได้หยุดคิดสักนิดว่า ถ้าครูบาอาจารย์ของเราไม่เรียนคำสอนหรือเรียนคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่จบตามพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎกแล้วจะทำอย่างไรดี ครูบาอาจารย์ก็ต้องสอนเราผิดแน่นอน ตัวของเราก็จะนำเอาพระธรรมคำสอนที่ผิดไปปฏิบัติ ผลก็จะออกมาตามเหตุ คือได้ผลที่ผิดออกมา เราจะต้องเสียเวลาชีวิตไปชาติหนึ่ง ชาตินี้เกิดมาจึงเสียชาติเกิด ชาติต่อไปจะเกิดมาพบพระพุทธศาสนาพบพระธรรมคำสอนอีกหรือไม่ก็ไม่รู้ได้ ความคิดในลักษณะอย่างนี้ไม่ค่อยมี ไปมั่นใจว่าหลวงปูหลวงพ่อที่เป็นครูบาอาจารย์ของเราทั้งหลายท่านคงจะเรียนพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามาจบแน่ หรือเห็นว่าท่านเป็นพระสงฆ์หรือฆราวาสผู้มีความรู้ ก็ไปเป็นลูกศิษย์ของท่านเลย ดังนี้เป็นต้น ผลปรากฏว่าท่านเหล่านั้นส่วนมากไม่เคยเรียนพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎกกันจบแต่อย่างใด อาศัยเอาวิธีปฏิบัติที่ครูบาอาจารย์ร่นก่อน ๆ สอนปฏิบัติสืบต่อกันมา แล้วท่านเหล่านั้นก็อ้างว่าหลวงพ่อ หลวงปู่ นั้นสอนไว้อย่างนี้ แล้วก็นำเอาไปปฏิบัติสืบต่อกันมาโดยไม่รู้ไม่เข้าใจที่ท่านสอนไว้ว่าถูกต้องครบถ้วนหรือไม่

จะเห็นว่าท่านผู้นำการปฏิบัติธรรมทั้งหลายทั้งรุ่นก่อน ๆ และรุ่นปัจจุบันมีลักษณะเหมือนกันคือ ปฏิบัติธรรมตามครูบาอาจารย์ที่สอนสืบต่อกันมาเท่านั้น ไม่มีผู้ใดหาตนเองข้ามเข้าไปถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าจริง ๆ ในพระไตรปิฎกได้ไปถึงได้แค่ของครูบาอาจารย์หลวงปู่ หลวงพ่อเท่านั้น ไปติดอยู่ตรงนี้จึงไม่มีความรู้เพียงพอที่นำพาตัวเองเข้าไปหาทางที่ถูกต้องได้ เพราะไม่มีความรู้ที่เป็นพระธรรมคำสอนของพุทธเจ้าเป็นหลักไว้ในตัวเอง ทำให้การปฏิบัติธรรมของผู้สนใจทั้งหลายไปไม่ถึงเป้าหมายของชีวิต เพราะไม่รู้ทางเดินที่ถูกต้องที่แท้จริง ปฏิบัติธรรมผิดธรรมกันมาตลอด จึงไม่มีปัญญาแก้ปัญหาหรือดับทุกข์ให้กับตัวเองได้ ได้แค่หลบทุกข์ชั่วคราวอยู่ที่ความสงบเท่านั้น